สิระ ซัดแหลกแฉ หมอเหรียญทอง กลับ เป็นคนบาปในคราบนักบุญ ปมพิพาทปิดทางเข้าพื้นที่โรงพยาบาลสนามฯ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ได้ออกมาโต้ตอบ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ หลังจากที่หมอเหรียญทองโพสต์ข้อความลง เฟซบุ๊ก ระบุว่า นายสิระได้ปิดทางเข้าพื้นที่ รพ.สนามพลังแผ่นดิน
โดยนายสิระระบุว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ถึงความกังวลในการตั้ง รพ.สนามแห่งนี้
ส่วนการปิดทางเข้านั้น เป็นการรวมตัวกันของชาวบ้านที่เขาไม่พอใจ พล.ต.เหรียญทองควรจะฟังคำพูดของชาวบ้านบ้าง เขาอยู่ตรงนั้น เขามีสิทธิกลัวว่าจะติดเชื้อโควิด ไม่ใช่อยู่ดีๆ มาตั้ง รพ.สนาม อ้างช่วยประชาชน แล้วชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบบริเวณรอบๆ เขาไม่ใช่ประชาชนหรือ
“การที่หมอเหรียญทองใช้วาจาหยาบคายหลายต่อหลายครั้งมาต่อว่า ผมไม่ขอลดตัวลงไปใช้คำพูดที่ส่อถึงนิสัยอย่างคุณหมอหรอกครับ ประชาชนที่ฟังอยู่เขาจะตัดสินได้เองว่า คนพูดจาแบบนี้ยังเหลือความน่าเคารพอยู่หรือไม่ ท่านจะคิดจะพูดอะไรก็เกรงใจวิชาชีพด้วย ซึ่งผมไม่แปลกใจที่หมอเหรียญทองออกอาการเก็บทรงไม่อยู่ น่าจะเป็นเพราะผมไปรู้ทันสิ่งที่ท่านกำลังคิดจะทำอยู่ ถ้าหมอเหรียญทองยืนยันว่า ต้องการช่วยเหลือประชาชนจริงๆ ผมขอให้ประชาชนติดตามว่า รพ.สนามพลังแผ่นดิน ได้เบิกเงินจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) วันละ 1,500 บาทต่อผู้ป่วย 1 คน หรือไม่” นายสิระ กล่าว
พร้อมระบุว่า การช่วยเหลือประชาชนเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องช่วยด้วยใจที่บริสุทธิ์ ไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง และต้องถูกกฎหมาย ซึ่ง พล.ต.นพ.เหรียญทอง ยอมรับเองว่าไม่ได้ขออนุญาตก่อสร้าง รพ.สนามจากเขตหลักสี่อย่างถูกต้องตามกฎหมายจริง แถมยังใช้คำพูดดูหมิ่นตนและข้าราชการเขตหลักสี่ด้วย ตนขอย้อนถามกลับว่า เหตุผลอะไรที่ไม่ยอมแจ้งสำนักงานเขต ซึ่งตั้งอยู่ห่างจาก รพ.ของ พล.ต.เหรียญทอง ไม่ถึง 5 กม. หรือเพราะมีเงื่อนงำอะไรที่เจตนาปกปิดซ่อนเร้นอยู่ในนั้น โดยเอาสถานการณ์โควิดมากล่าวอ้าง ยกประชาชนมาบังหน้า
นายสิระ กล่าวอีกว่า ที่ตนออกมาวันนี้ไม่มีเจตนาขัดขวาง พล.ต.นพ.เหรียญทอง ตนไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องนี้แม้แต่น้อย แต่ที่ต้องลุกขึ้นมาพูดเพราะเมื่อชาวบ้านเขาได้รับผลกระทบ ตนเป็นผู้แทนเขาก็ต้องช่วย อีกทั้งเมื่อไปดูพื้นที่ รพ.สนามแห่งนี้ บอกตามตรงว่ารับไม่ได้ มันเป็นพื้นที่แออัด รถติดกันทั้งซอย ประชาชนสัญจรไปมา ร้านค้าขายเต็มไปหมด คิดได้อย่างไรจะนำผู้ติดเชื้อไปตั้งรวมกับชาวบ้าน
และวันนี้ตนขอเรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุขมาตรวจสอบ รพ. มงกุฎวัฒนะ ด้วย เพราะชาวบ้านโดนรีดไถเงินจำนวน 8,600 บาท หากไม่มีเงินก็ไม่เคลื่อนศพให้ ในระยะทางแค่ไม่ถึง 2 กม. เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ พล.ต.นพ.เหรียญทอง ต้องชี้แจงมา หากมาเสนอตัวช่วยประชาชน แต่ รพ.ของท่านกลับเรียกเงินจากประชาชนที่กำลังเดือดร้อนจำนวนมากขนาดนี้ แบบนี้เข้าข่ายคำว่า “คนบาปในคราบนักบุญ” หรือไม่
โฆษก รบ. ย้ำไม่ ปิดกั้นเอกชนนำเข้าวัคซีน มั่นใจส่งได้ทันปี 64
โฆษกรัฐบาลย้ำ รัฐบาลไม่ ปิดกั้นเอกชนนำเข้าวัคซีน โดยภาคเอกชน เสนอให้จัดหาวัคซีนโควิด-19 ที่แตกต่าง สามารถจัดส่งวัคซีนได้ทันภายในปี 2564 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย ผลการประชุมคณะทำงานพิจารณาการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่มีศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ น.พ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นประธานคณะทำงาน ถึงแนวทางในการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 สำหรับใช้ในสถานพยาบาลของรัฐ และวัคซีนทางเลือกเพื่อนำมาให้บริการในสถานพยาบาลเอกชน โดยควรกำหนดให้วัคซีนโควิด-19 เป็นสินค้าควบคุม ซึ่งสถานพยาบาลภาคเอกชนควรคัดเลือกวัคซีนโควิด-19 ทางเลือก ที่มีคุณลักษณะหรือยี่ห้อที่แตกต่างจากวัคซีนที่ภาครัฐนำเข้ามา และสามารถจัดส่งวัคซีนได้ทันภายในปี 2564 รวมทั้งในอนาคตกรณีที่มีการวิจัยและผลิตวัคซีนโควิด-19 เพิ่มเติม ก็สามารถนำเสนอวัคซีนทางเลือกรายการอื่นเพิ่มเติมต่อไปได้
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะทำงานฯยังได้สรุปการจัดหาวัคซีนโควิด-19 เพิ่มเติมสำหรับภาครัฐ ประกอบด้วย Pfizer, Sputnik V และ Johnson & Johnson และในการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ของสถานพยาบาลเอกชนนั้น ที่ประชุมคณะทำงานฯมีความเห็นว่า ควรเป็นวัคซีนโควิด-19 ในรายการอื่น ๆ ที่ไม่ได้ให้บริการโดยภาครัฐและสถานพยาบาลของรัฐ
เพื่อให้เป็นวัคซีนทางเลือกอย่างแท้จริง และไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับภาครัฐ เช่น Moderna, Sinopharm หรือวัคซีนอื่นที่มีการขึ้นทะเบียนต่อไปในอนาคต โดยขอให้มีการควบคุมราคาการให้บริการในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทางเลือกให้กับประชาชนในสถานพยาบาลเอกชนให้สมเหตุสมผล และมีราคาที่เหมาะสม ซึ่งที่ประชุมคณะทำงานฯได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ช่วยผลักดันให้มีบริษัทผลิตและจัดจำหน่ายวัคซีนเข้ามาขึ้นทะเบียนในประเทศไทยให้เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ สำหรับการจัดหาวัคซีนในสถานพยาบาลเอกชน นั้น องค์การเภสัชกรรมจะเป็นผู้บริหารจัดการและประสานกับบริษัทผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายวัคซีน โดยจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าไม่ปลอดภัย (Product Liability) และสถานพยาบาลเอกชน/ภาคเอกชนที่ประสงค์จะนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ทางเลือก จะเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะต้องชำระเงินจองวัคซีนโควิด-19 ทางเลือกล่วงหน้าให้แก่องค์การเภสัชกรรมเต็มจำนวนมูลค่าการสั่งซื้อ (100%) รวมทั้ง จัดทำประกันสำหรับกรณีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน โดยภาคเอกชนที่มีความประสงค์จะขอนำเข้าวัคซีนทางเลือก สามารถดำเนินการแต่งตั้งตัวแทนจากบริษัทวัคซีนต้นทางและยื่นหนังสือต่อองค์การเภสัชกรรม โดยที่ประชุมคณะทำงานฯเห็นควรมอบหมายให้องค์การเภสัชกรรมเป็นผู้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent : LOI) เพื่อดำเนินการร่วมกับภาคเอกชนในการจัดหาวัคซีน ซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดหาวัคซีนที่มีปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน
แนะนำ : รีวิวหนังไทย | คู่มือพ่อแม่มือใหม่ | แม่และเด็ก | เรื่องผี | แคคตัส กระบองเพชร